ข้อมูลทั่วไปของ MMC Card
MMC Card หรือ MultiMediaCard นั้นถูกนำเสนอสู่สาธารณะชนครั้งแรกในปี ค.ศ.1997 โดย บริษัท Siemens AG และ SanDisk ซึ่งมีพื้นฐานการทำงานอยู่บน NAND-based Flash Memory ซึ่ง MMC Card นั้นมีขนาดที่เล็กว่าการ์ดหน่วยความจำที่มีพื้นฐานการทำงานอยู่บน Intel NOR-based เช่น CompactFlash Card ขนาดของ MMC Card นั้นค่อนข้างใกล้เคียงกับสแตมป์ไปรษณีย์ โดยมีความยาว 32 มิลลิเมตร, กว้าง 24 มิลลิเมตร และหนา 1.4 มิลลิเมตร ในยุคแรก MMC Card นั้นใช้ Interface ในการโอนถ่ายข้อมูลแบบ 1-bit Serial แต่ต่อมาในเวอร์ชันใหม่ จะสามารถโอนถ่ายข้อมูลได้ 4 bits หรือ 8 bits ในเวลาเดียวกัน
MMC Card นั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะถูกแทนที่ด้วยการ์ดหน่วยความจำแบบ SD Card ในไม่ช้า แต่ที่ยังคงมีการใช้งาน MMC Card กันอยู่จนถึงทุกวันนี้ก็เนื่องจาก MMC Card นั้นสามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์ที่รองรับ SD Card ได้ด้วย โดยอุปกรณ์ที่นำ MMC Card ไปใช้งานนั้นก็มักจะเป็นอุปกรณ์พกพาขนาดเล็กต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ, เครื่องพีดีเอ, เครื่องเล่นเพลง MP3 หรือกล้องดิจิตอล ซึ่งในปัจจุบันขนาดความจุสูงสุดของ MMC Card ที่มีวางจำหน่ายทั่วไปแล้วนั้นจะอยู่ที่ 2GB
จากที่กล่าวไว้ข้างต้นคือ อุปกรณ์ใดที่มีสล็อตของ SD Card ก็มักจะสามารถนำ MMC Card มาใส่ได้โดยปริยาย เนื่องจากความกว้างและยาวของ MMC Card นั้นเท่ากันกับ SD Card รวมถึงมีขาขั้วต่อ (Pins) รูปแบบเดียวกัน เพียงแต่ MMC Card จะมีความหนาที่น้อยกว่า SD Card อยู่เล็กน้อย แต่ในทางกลับกัน อุปกรณ์ใดที่มีสล็อตขนาดความหนาเท่ากับ MMC Card พอดี จะไม่สามารถนำ SD Card มาใส่ได้ เนื่องจาก SD Card มีความหนาเกินกว่าที่จะนำมาใส่ได้นั่นเอง และสำหรับ โทรศัพท์มือถือ นั้น บริษัทผู้ผลิตที่เริ่มนำเอา MMC Card มาใช้กับ โทรศัพท์มือถือ ก็คือ บริษัท Nokia และ Ericsson โดยได้มีการร่วมมือกันกับ บริษัทผลิตการ์ดหน่วยความจำชั้นนำอย่าง SanDisk โดยที่ผ่านมา MMC Card นั้นถือว่าเป็นการ์ดหน่วยความจำประเภทที่ใช้กันแพร่หลายมากที่สุดชนิดหนึ่ง สำหรับ โทรศัพท์มือถือ ก็ว่าได้ เนื่องจากหาซื้อได้ง่ายและมีราคาที่ไม่แพง แต่อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้า MMC Card คงจะค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยการ์ดหน่วยความจำชนิดใหม่ๆ เช่นการ์ดหน่วยความจำที่พัฒนาต่อมาจาก MMC Card เองอย่าง RS-MMC Card หรือ DV RS-MMC Card เป็นต้น ซึ่งมีประสิทธิภาพไม่ต่างจาก MMC Card ปกติหรือดีกว่า และยังมีขนาดที่เล็กกว่าถึงครึ่งหนึ่งอีกด้วย
มาตรฐานใหม่ของ MMC Card คือมาตรฐาน MultiMediaCard เวอร์ชัน 4.x เช่น 4.0 หรือ 4.1 ซึ่งเรียกว่า MMCplus และ MMCmobile โดยจะมีจำนวนขาขั้วต่อ (Pins) ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า MMC Card แบบเดิม มีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น มีอัตราการโอนถ่ายข้อมูลที่เพิ่มขึ้น มีการทำงานที่เร็วขึ้น โดยมีความกว้างของ Bus หรือ Bandwidth สูงสุดที่ 8 bits สำหรับความแตกต่างของ MMCplus กับ MMCmobile นั้นจะแตกต่างกันที่ขนาด โดย MMCplus นั้นจะมีขนาดกว้างยาวเท่ากับ MMC Card ปกติ แต่ถ้าเป็น MMCmobile จะมีขนาดกว้างยาวเพียงครึ่งหนึ่งของ MMC Card ปกติหรือเท่ากับ RS-MMC Card นั่นเอง และเทคโนโลยีใหม่อีกอย่างของ MMC Card ก็คือ secureMMC ซึ่งมีคุณสมบัติการเข้ารหัส (Encryption) ที่เหมือนกันกับ SD Card หรือ Memory Stick (MagicGate) จึงทำให้มีความปลอดภัยของข้อมูลเพิ่มมากขึ้น
ข้อมูลเชิงเทคนิคของ MMC Card
- ขนาด 24 x 32 x 1.4 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 1.5 กรัม
- ขั้วต่อ (Pins) แบบ 7-Pins (MMC) และ 13-Pins (MMCplus)
- ระดับแรงดันไฟ 3.3โวลต์
- อุณหภฺมิที่สามารถทำงานได้ -25 ถึง 85 องศาเซลเซียส (-13 ถึง 185 องศาฟาเรนไฮต์)
- อุณหภูมิที่สามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้ -40 ถึง 85 องศาเซลเซียส
- ค่า Shock Resistance 1000 G (เท่ากับการปล่อยลงสู่พื้นจากระดับความสูง 5 ฟุต)
- จำนวนรอบของการถอดเข้าถอดออก 10,000 รอบ
- อัตราความเร็วในการอ่านข้อมูลสูงสุด 11MB ต่อวินาที (MMCplus)
- อัตราความเร็วในการเขียนข้อมูลสูงสุด 7MB ต่อวินาที (MMCplus)
- Bandwidth ในการโอนถ่ายข้อมูล (Transfer Bandwidth : Bus Widths) 1 bit, 4 bits และ 8 bits (MMCplus)
- จำนวนรอบในการลบข้อมูล 100,000 รอบ ต่อ 1 Block
- ในปัจจุบันมีขนาดความจุให้เลือกใช้ตั้งแต่ 32, 64, 128, 256, 512MB, 1GB และ 2GB
ข้อมูลทั่วไปของ RS-MMC Card
RS-MMC Card นั้นเป็นการ์ดหน่วยความจำที่พัฒนาขึ้นมาด้วยพื้นฐานของ MMC Card และมีคุณสมบัติโดยรวมที่ไม่แตกต่างกัน เพียงแต่มีขนาดที่เล็กลงประมาณครึ่งหนึ่งของ MMC Card ในทางยาว นั่นคือมีความยาวลดลงเหลือ 16 มิลลิเมตร ในขณะที่ MMC Card มีความยาว 32 มิลลิเมตร แต่ก็ยังมีความกว้างขนาด 24 มิลลิเมตร และความหนาขนาด 1.4 มิลลิเมตร เท่าเดิม ซึ่ง RS-MMC Card นั้นนำมาใช้กับ โทรศัพท์มือถือ โนเกีย 7610 เป็นรุ่นแรก ราคาจำหน่ายในช่วงแรกนั้นค่อนข้างสูงกว่า MMC Card มาก แต่ในปัจจุบันราคาของการ์ดหน่วยความจำทั้งสองแบบนี้ใกล้เคียงกันแล้ว เนื่องจาก RS-MMC Card มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น โทรศัพท์มือถือ หลายรุ่นหลายยี่ห้อต่างก็หันมาใช้ RS-MMC Card แทนที่จะเลือกใช้ MMC Card และในอนาคตคาดว่าจะเข้ามาแทนที่ MMC Card ในที่สุด
ในการใช้งานนั้น ปกติ RS-MMC Card สามารถนำไปใช้แทน MMC Card ได้ทันที เนื่องจากปกติเมื่อซื้อ RS-MMC Card มา ก็มักจะมีตัวแปลงให้มีขนาดเท่ากับ MMC Card (MMC Adapter) มาให้ด้วย ดังนั้นอุปกรณ์ใดที่รองรับ MMC Card ก็จะสามารถนำ RS-MMC Card มาใช้งานได้ด้วยโดยปริยาย ส่วน RS-MMC Card รุ่นใหม่ที่เรียกว่า MMCmobile นั้นสังเกตได้ไม่ยาก โดยให้สังเกตที่ขาขั้วต่อจะมีอยู่ 13-Pins ในขณะที่ RS-MMC Card จะมีเพียง 7-Pins ซึ่ง MMCmobile จะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากเดิมดังที่กล่าวไว้ในส่วนของ MMC Card ข้างต้น
ข้อมูลเชิงเทคนิคของ RS-MMC Card
- ขนาด 24 x 16 x 1.4 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 1.0 กรัม
- ขั้วต่อ (Pins) แบบ 7-Pins (RS-MMC) หรือ 13-Pins (MMCmobile)
- ระดับแรงดันไฟ 3.3โวลต์ (RS-MMC) หรือ 1.8/3.3โวลต์ (MMCmobile)
- อุณหภฺมิที่สามารถทำงานได้ -25 ถึง 85 องศาเซลเซียส (-13 ถึง 185 องศาฟาเรนไฮต์)
- อุณหภูมิที่สามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้ -40 ถึง 85 องศาเซลเซียส
- ค่า Shock Resistance 1000 G (เท่ากับการปล่อยลงสู่พื้นจากระดับความสูง 5 ฟุต)
- จำนวนรอบของการถอดเข้าถอดออก 10,000 รอบ
- อัตราความเร็วในการอ่านข้อมูลสูงสุด 1.75MB ต่อวินาที (RS-MMC) หรือ 8MB ต่อวินาที (MMCmobile)
- อัตราความเร็วในการเขียนข้อมูลสูงสุด 1.65MB ต่อวินาที (RS-MMC) หรือ 7MB ต่อวินาที (MMCmobile)
- Bandwidth ในการโอนถ่ายข้อมูล (Transfer Bandwidth : Bus Widths) 1 bit, 4 bits และ 8 bits (MMCmobile)
- จำนวนรอบในการลบข้อมูล 100,000 รอบ ต่อ 1 Block
- ในปัจจุบันมีขนาดความจุให้เลือกใช้ตั้งแต่ 32, 64, 128, 256, 512MB, 1GB และ 2GB
ข้อมูลทั่วไปของ DV RS-MMC Card
DV RS-MMC Card หรือ Dual Voltage Reduced Size MultiMediaCard นั้นถูกพัฒนาขึ้นมาจากพื้นฐานของการ์ดหน่วยความจำแบบ RS-MMC Card และมีขนาดเท่ากันทุกประการ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อที่จะให้ตัวการ์ดสามารถใช้แรงดันไฟได้ 2 ระดับ คือ 1.8โวลต์ และ 3.3โวลต์ จึงทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้มากขึ้นกว่าเดิม โดย โทรศัพท์มือถือ รุ่นแรกที่นำ DV RS-MMC Card มาใช้ก็คือ โนเกีย 6630 และต่อมาหลังจากนั้น โทรศัพท์มือถือ ตระกูล Symbian Smart Phone Series 60 UI ของ โนเกีย อีกหลายรุ่น ก็มีการพัฒนาให้รองรับ DV RS-MMC Card เช่น โนเกีย 6681, 6680, N70 หรือ N90 เป็นต้น รวมถึงรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวอีกหลายรุ่น ซึ่งถ้าหาก โทรศัพท์มือถือ รุ่นใดที่ระบุว่าต้องใช้การ์ดหน่วยความจำแบบ DV RS-MMC Card ก็จะไม่สามารถนำ RS-MMC Card แบบธรรมดามาใช้ได้ เนื่องจาก โทรศัพท์มือถือ เหล่านี้มีแรงดันไฟสำหรับการ์ดหน่วยความจำเพียง 1.8โวลต์ เท่านั้น ในขณะที่ RS-MMC Card ธรรมดาจะใช้แรงดันไฟมากถึง 3.3โวลต์
ในช่วงแรกของการวางจำหน่ายนั้น DV RS-MMC Card ยังมีราคาที่สูงกว่า MMC Card หรือ RS-MMC Card อยู่อย่างมาก นั่นคือแพงกว่าเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว แต่เมื่อเริ่มมีการใช้งานแพร่หลาย และมี โทรศัพท์มือถือ รุ่นใหม่ๆ ออกมารองรับมากขึ้น จนถึงปัจจุบัน DV RS-MMC Card นั้นก็ลดระดับราคาลงมาจนแทบจะไม่แตกต่างกับ RS-MMC Card แล้ว ส่วนการ์ดหน่วยความจำแบบ MMCmobile ซึ่งเป็น RS-MMC Card แบบใหม่นั้น ก็ถือได้ว่าเป็นการ์ดหน่วยความจำแบบ DV RS-MMC Card ด้วยเช่นกัน เนื่องจากสามารถใช้แรงดันไฟได้ 2 ระดับ คือ 1.8โวลต์ และ 3.3โวลต์ ได้เหมือนกันกับ DV RS-MMC Card นั่นเอง สุดท้ายแล้วจึงอาจจะสรุปได้ว่า MMCmobile เป็นการ์ดหน่วยความจำที่จะเข้ามาแทนที่ทั้ง RS-MMC Card และ DV RS-MMC Card ทั้งคู่ไปโดยปริยาย
ข้อมูลเชิงเทคนิคของ DV RS-MMC Card
- ขนาด 24 x 16 x 1.4 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 1.0 กรัม
- ขั้วต่อ (Pins) แบบ 7-Pins หรือ 13-Pins (MMCmobile)
- รองรับการใช้งานกับแรงดันไฟ 2 ระดับ คือ1.8โวลต์ และ 3.3โวลต์
- อุณหภฺมิที่สามารถทำงานได้ -25 ถึง 85 องศาเซลเซียส (-13 ถึง 185 องศาฟาเรนไฮต์)
- อุณหภูมิที่สามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้ -40 ถึง 85 องศาเซลเซียส
- ค่า Shock Resistance 1000 G (เท่ากับการปล่อยลงสู่พื้นจากระดับความสูง 5 ฟุต)
- จำนวนรอบของการถอดเข้าถอดออก 10,000 รอบ
- อัตราความเร็วในการอ่านข้อมูลสูงสุด 1.75MB ต่อวินาที หรือ 8MB ต่อวินาที (MMCmobile)
- อัตราความเร็วในการเขียนข้อมูลสูงสุด 1.65MB ต่อวินาที หรือ 7MB ต่อวินาที (MMCmobile)
- Bandwidth ในการโอนถ่ายข้อมูล (Transfer Bandwidth : Bus Widths) 1 bit, 4 bits และ 8 bits (MMCmobile)
- จำนวนรอบในการลบข้อมูล 100,000 รอบ ต่อ 1 Block
- ในปัจจุบันมีขนาดความจุให้เลือกใช้ตั้งแต่ 128, 256, 512MB, 1GB และ 2GB
ข้อมูลทั่วไปของ miniSD Card
miniSD Card นั้นถูกพัฒนาขึ้นมาครั้งแรกโดย บริษัท SanDisk และเปิดตัวสู่สาธารณะชนครั้งแรก ณ งาน CeBIT ในปี ค.ศ.2003 ซึ่งเป็นงานแสดงเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยจัดขึ้นที่ เมืองฮานโนเวอร์ ประเทศเยอรมัน โดยที่ miniSD Card นี้ถือว่าเป็นการ์ดหน่วยความจำอีกชนิดหนึ่งที่ถูกพัฒนาต่อจากการ์ดหน่วยความ จำต้นแบบของตนเอง คือ SD Card ให้มีขนาดที่เล็กลง ในทำนองเดียวกันกับ Memory Stick Duo ที่ปรับขนาดลงมาจาก Memory Stick หรือ RS-MMC Card ที่ปรับขนาดลงมาจาก MMC Card เป็นต้น จะต่างกันก็เพียงแต่ miniSD Card นั้นมีขนาดลดลงจากขนาดของ SD Card ปกติถึงประมาณ 60% เลยทีเดียว และไม่มีสวิตช์ที่ใช้สำหรับป้องกันการเขียนข้อมูลทับอยู่ในตัว สิ่งที่ miniSD Card แตกต่างจาก SD Card อีกเรื่องก็คือจำนวนของขาขั้วต่อ (Pins) ที่ miniSD Card มีจำนวนทั้งหมด 11Pins แต่ SD Card มีเพียง 9Pins
ในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน คุณสมบัติ หรือเทคโนโลยีที่นำมาใช้กับ miniSD Card นั้น โดยรวมก็เหมือนกันกับ SD Card ปกติ ซึ่งในปัจจุบันการ์ดหน่วยความจำแบบ miniSD Card ได้รับความนิยมนำไปใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์พกพาที่มีขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ, เครื่องพีดีเอ, เครื่องเล่นเพลง หรือ กล้องดิจิตอล เป็นต้น และเช่นเดียวกันกับการ์ดหน่วยความจำส่วนใหญ่ ในการใช้งาน ผู้ใช้สามารถนำ miniSD Card นี้ไปใส่ในสล็อตของ SD Card ปกติได้ทันที โดยใช้ตัว Adapter เพื่อแปลงขนาดให้เท่ากันกับ SD Card
ข้อมูลเชิงเทคนิคของ miniSD Card
- ขนาด 21.5 x 20 x 1.4 มิลลิเมตร (0.84 x 0.78 x 0.05 นิ้ว : 40% ของ SD Card)
- น้ำหนัก 1 กรัม
- ปริมาตร 589 ลูกบาศก์มิลลิเมตร
- จำนวนขาขั้วต่อ (Pins) 11Pins
- มีพื้นฐานของเทคโนโลยีการผลิตแบบ SLC NAND Flash Chips
- ระดับแรงดันไฟที่สามารถใช้งานได้ 2.7 ถึง 3.6โวลต์
- ระดับความเร็วในการเขียนข้อมูล 1 ถึง 5.5MByte ต่อวินาที
- ระดับความเร็วในการอ่านข้อมูล 4.5 ถึง 7.85MByte ต่อวินาที
- ระดับอุณหภูมิที่สามารถทำงานได้ 0 ถึง 60 องศาเซลเซียส (-13 ถึง 140 องศาฟาเรนไฮต์)
- ระดับอุณหภูมิที่สามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้ -20 ถึง 65 องศาเซลเซียส (-68 ถึง 150 องศาฟาเรนไฮต์)
- สามารถรองรับการถอดการ์ดและใส่การ์ดได้ 10,000 รอบ
- มีระบบการรักษาความปลอดภัยแบบ SDMI (Security Digital Music Initiative)
- มีขนาดความจุให้เลือกตั้งแต่ 64, 128, 256, 512MB, 1GB และ 2GB
ข้อมูลทั่วไปของ microSD Card
microSD Card มีชื่อเรียกเดิมว่า TransFlash Card ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นการ์ดหน่วยความจำแบบเดียวกัน โดยมีขนาดที่เล็กมากเป็นพิเศษ คือมีความยาว 15 มิลลิเมตร ความกว้าง 11 มิลลิเมตร ความหนา 1 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 0.4 กรัม จึงถือว่า microSD Card เป็นการ์ดหน่วยความจำประเภทหนึ่งที่มีขนาดที่เล็กมากที่สุดในปัจจุบัน หากให้เปรียบเทียบง่ายๆ ก็คือมีขนาดประมาณปลายนิ้วมือของคนเราเท่านั้น ซึ่ง microSD Card นั้นพัฒนาออกมาเพื่อให้เหมาะสมสำหรับการนำไปใช้กับอุปกรณ์พกพาที่มีขนาดเล็ก หลายประเภท เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือ เครื่องเล่นเพลง microSD Card นั้นพัฒนาขึ้นมาด้วยความร่วมมือของ บริษัท โมโตโรลา และ SanDisk ซึ่งต่างก็เป็นยักษ์ใหญ่ของการผลิต โทรศัพท์มือถือ และการผลิตการ์ดหน่วยความจำ ตามลำดับ
ตั้งแต่ที่ microSD Card ถือกำเนิดขึ้นมานั้น ก็มีการพัฒนาให้มีขนาดความจุที่มากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ 16MB จนถึง 512MB ในปัจจุบัน โดยทาง บริษัท SanDisk นั้นมีโครงการที่จะเปิดตัว microSD Card ที่มีขนาดความจุ 1GB ในปลายปี ค.ศ.2005 นี้ และขนาดความจุ 2GB ในปี ค.ศ.2006 ในปัจจุบันมีผู้ผลิต โทรศัพท์มือถือ รายใหญ่หลายรายได้พัฒนา โทรศัพท์มือถือ ของตนเองให้สามารถรองรับการใช้งาน microSD Card ได้ด้วย เช่น Motorola, Samsung หรือ Kyocera และเช่นเดียวกัน ในการใช้งาน ผู้ใช้สามารถนำ microSD Card ไปใส่ในสล็อตของ SD Card ปกติได้ทันที เพียงแค่นำ microSD Card ไปใส่ในตัว Adapter เท่านั้น ซึ่งก็มีลักษณะการใช้งานคล้ายคลึงกันกับการ์ดหน่วยความจำอีกหลายประเภท
ข้อมูลเชิงเทคนิคของ microSD Card
- ขนาด 11 x 15 x 1 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 0.4 กรัม
- ปริมาตร 165 ลูกบาศก์มิลลิเมตร
- จำนวนขาขั้วต่อ (Pins) 8Pins
- ชื่อเดิมที่ใช้คือ TransFlash Card
- ระดับแรงดันไฟที่สามารถใช้งานได้ 2.7 ถึง 3.6โวลต์
- อัตราความสิ้นเปลืองพลังงานขณะอยู่ในสถานะ Sleep น้อยกว่า 150ไมโครแอมแปร์
- อัตราความสิ้นเปลืองพลังงานขณะอ่านข้อมูล น้อยกว่า 45mA
- อัตราความสิ้นเปลืองพลังงานขณะเขียนข้อมูล น้อยกว่า 50mA
- ระดับอุณหภูมิที่สามารถทำงานได้ -25 ถึง 85 องศาเซลเซียส
- ระดับอุณหภูมิที่สามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้ -40 ถึง 85 องศาเซลเซียส
- ค่า Shock Resistance 1000 G (เท่ากับการปล่อยลงสู่พื้นจากระดับความสูง 5 ฟุต)
- ค่า MTBF (Mean Time Between Failures : ค่าเวลาโดยประมาณในกรณีที่ไม่เกิดข้อผิดพลาดในการทำงาน) 1,000,000 ชั่วโมง
- มีขนาดความจุให้เลือกตั้งแต่ 16, 32, 64, 128, 256, 512MB 1 GB และ 2GB
ข้อมูลทั่วไปของ Card Reader
Card Reader เป็นอุปกรณ์สำหรับอ่านการ์ดหน่วยความจำ ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง หรือได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบันก็ว่าได้ สังเกตได้จากไม่ว่าจะไปที่ไหนที่ต้องมีการใช้งานการ์ดหน่วยความจำบ่อยๆ ก็มักจะเห็นอุปกรณ์ Card Reader นี้อยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น ร้านรับอัดรูปที่ถ่ายจากกล้องดิจิตอล, ร้านขายโทรศัพท์มือถือ, ร้านรับลงโปรแกรมโทรศัพท์มือถือ หรือร้านขายการ์ดหน่วยความจำ เป็นต้น โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Card Reader ได้รับความนิยมอย่างสูง ก็มีอยู่หลายปัจจัย ที่เห็นได้ชัดประการแรกก็คือ Card Reader เพียงตัวเดียว ก็สามารถอ่านการ์ดหน่วยความจำได้แทบทุกประเภท ประการที่สองก็คือ Card Reader ปัจจุบันมีราคาที่ไม่แพงถ้าเทียบกับประโยชน์ที่ได้รับ ประการสุดท้ายคือ Card Reader ใช้งานได้ง่ายมากและไม่ยุ่งยาก เริ่มต้นเพียงแค่เสียบสาย USB ของ Card Reader เข้ากับ USB Port ของเครื่องคอมพิวเตอร์ หากเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆ สักหน่อย เช่น Windows XP ก็จะตรวจเจอได้ทันทีโดยไม่ต้องลง Driver ให้ยุ่งยาก และพอเปิดดูใน My Computer หรือ Windows Explorer ก็จะพบกับ Drive ใหม่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งจะเห็นเพิ่มขึ้นมาอีกกี่ Drive นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าช่องเสียบการ์ดของ Card Reader ที่ใช้อยู่นั้น มีอยู่ทั้งหมดกี่ช่อง สมมติถ้าหากมีอยู่ 4 ช่อง ก็จะปรากฎ Drive ใหม่เพิ่มขึ้นมาจากปกติ 4 Drive นั่นเอง
สำหรับ Card Reader ที่วางขายกันอยู่ทั่วไปในปัจจุบันนั้น ก็มีอยู่หลายรุ่นหลายยี่ห้อ และมักจะระบุชื่อรุ่นในเชิงที่สื่อว่า Card Reader รุ่นนั้นเพียงตัวเดียว สามารถอ่านการ์ดหน่วยความจำไดกี่แบบ เช่น 6-in-1, 8-in-1, 16-in-1, 18-in-1 หรือแม้กระทั่ง 29-in-1 ก็ยังมี แต่ในการใช้งานจริงคงจะต้องมีการดัดแปลงขนาดของการ์ดหน่วยความจำด้วย Adapter บ้างในบางกรณี เนื่องจากจำนวนช่องเสียบจริงๆ นั้น ส่วนใหญ่จะมีแค่ 3-4 ช่องเท่านั้น เช่นแบบ 29-in-1 รุ่นหนึ่งอาจจะมีช่องสำหรับเสียบการ์ดอยู่ทั้งหมดแค่ 4 ช่องเป็นต้น ส่วนวิธีการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น แทบทั้งหมดจะเป็นการเชื่อมต่อผ่าน USB Port บางรุ่นก็จะเป็น USB เวอร์ชัน 1.0, 1.1 บางรุ่นก็จะเป็น USB เวอร์ชัน 2.0 ซึ่งหากเป็นเวอร์ชันนี้ ก็จะมีอัตราการโอนถ่ายข้อมูลที่สูงกว่ามาก แต่ USB Port ของฝั่งเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ต้องรองรับ USB เวอร์ชัน 2.0 ด้วยเช่นกัน จึงจะสามารถใช้ประโยชน์กับความเร็วที่เพิ่มขึ้นตรงนี้ได้
ข้อมูลทั่วไปของ Memory Stick
Memory Stick เป็นการ์ดหน่วยความจำที่ถูกพัฒนาขึ้นมาครั้งแรกใน เดือนตุลาคม ปี ค.ศ.1998 โดย บริษัท Sony ซึ่งเน้นสำหรับการนำไปใช้งานกับอุปกรณ์ยี่ห้อ Sony โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ต้องพึ่งพาการ์ดหน่วยความจำ เช่น กล้องดิจิตอล, โทรศัพท์มือถือ (Sony Ericsson), เครื่องเล่นเพลง หรืออื่นๆ และ Memory Stick เป็นการ์ดหน่วยความจำที่ยังมีราคาสูงกว่าการ์ดหน่วยความจำชนิดอื่น แต่ก็มีจุดเด่นคือมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่สูง และในเวลาไม่นานนัก ก็มีการพัฒนา Memory Stick แบบใหม่ขึ้นมาให้ใช้งานอีก เช่น Memory Stick Pro ซึ่งสามารถรองรับขนาดความจุข้อมูลที่เพิ่มขึ้นและมีความเร็วในการโอนถ่าย ข้อมูลที่สูงขึ้น หรือ Memory Stick Duo ที่พัฒนาให้มีขนาดเล็กลง เป็นต้น
Memory Stick นั้นถูกนำไปใช้กับอุปกรณ์สมัยใหม่มากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น กล้องดิจิตอล, เครื่องเล่นเพลง, เครื่องพีดีโอ, โทรศัพท์มือถือ, เครื่องเล่นเกมส์ PlayStation รวมถึงเครื่องโน็ตบุ๊คราคาแพงจากค่าย Sony ที่ใช้ชื่อว่า VAIO ที่มีสล็อตสำหรับใส่ Memory Stick อยู่ในตัว สำหรับขนาดความจุของ Memory Stick แบบธรรมดานั้นมีการผลิตออกมาสูงสุดเพียง 256MB (128MB x 2) เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามหากเป็น Memory Stick แบบใหม่ๆ เช่น Memory Stick Pro ก็จะมีขนาดความจุที่มากขึ้น ส่วนบริษัทที่ได้สิทธิ์ในการผลิต Memory Stick อย่างเป็นทางการนั้น ก็ได้แก่ บริษัท SanDisk และ Lexar
เทคโนโลยีหนึ่งที่นำมาใช้กับ Memory Stick นั่นก็คือเทคโนโลยี MagicGate ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันการก๊อปปี้ข้อมูล ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย บริษัท Sony ในปี ค.ศ.1999 มีหลักการทำงานคือทำการเข้ารหัสข้อมูล (Encrypting) ของอุปกรณ์ และใช้ชิป MagicGate ทั้งในส่วนของตัวเก็บข้อมูล และตัวอ่านข้อมูล เพื่อตัดสินใจควบคุมบังคับกระบวนการคัดลอกไฟล์หรือก๊อปปี้ไฟล์ว่าควรจะ ดำเนินการอย่างไร เทคโนโลยี MagicGate นั้นถูกนำมาใช้กับเครื่องเล่นเกมส์ PlayStation 2 ในปี ค.ศ.2004 และอุปกรณ์รุ่นใหม่ก็พัฒนาให้สามารถรองรับเทคโนโลยีนี้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ข้อมูลเชิงเทคนิคของ Memory Stick
- ขนาด 50 x 21.5 x 2.8 มิลลิเมตร (1.97 x 0.85 x 0.11 นิ้ว)
- น้ำหนัก 4 กรัม
- ปริมาตร 3,010 ลูกบาศก์มิลลิเมตร
- จำนวนขาขั้วต่อ (Pins) 10Pins
- เทคโนโลยีการผลิตแบบ NAND Flash
- ระดับแรงดันไฟที่ใช้ 2.7-3.6โวลต์
- ระดับความสิ้นเปลืองของพลังงานขณะใช้งาน 45mA
- ระดับความสิ้นเปลืองของพลังงานขณะอยู่ในสถานะ Standby 130ไมโครแอมแปร์
- ความเร็วสูงสุดของสัญญาณนาฬิกา 20MHz
- ความเร็วสูงสุดในการเขียนข้อมูล 1.8Mbyte ต่อวินาที (14.4Mbit ต่อวินาที)
- ความเร็วสูงสุดในการอ่านข้อมูล 2.5Mbyte ต่อวินาที (19.6Mbit ต่อวินาที)
- ระดับอุณหภูมิที่สามารถทำงานได้ -5 ถึง 65 องศาเซลเซียส
- ระดับอุณหภูมิที่สามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้ -40 ถึง 100 องศาเซลเซียส
- ค่า Shock Resistance 150 G (ที่ 10ms)
- ค่า Vibration Resistance 15 G
- รองรับการทำงานในความชื้น 95%
- ขนาดความจุ มีตั้งแต่ 16MB ขึ้นไป
- เทคโนโลยี MagicGate ช่วยป้องกันการคัดลอกข้อมูล
- สวิตช์สำหรับการป้องกันการเขียนทับข้อมูล
ข้อมูลทั่วไปของ Memory Stick PRO
Memory Stick PRO นั้นเป็นพัฒนาการที่สืบเนื่องต่อมาจาก Memory Stick โดยมีการพัฒนา 2 เรื่องหลักคือ การเพิ่มขีดความสามารถในการขยายขนาดความจุให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และพัฒนาให้มีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่ง Memory Stick PRO ตามทฤษฎี สามารถขยายขนาดความจุสูงสุดได้มากถึง 32GB แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันความจุสูงสุดที่มีอยู่ ยังอยู่ที่ 4GB เท่านั้น ส่วนเรื่องของขนาดของการ์ดนั้น ยังคงมีขนาดที่เท่ากันกับ Memory Stick ปกติทุกประการ
สำหรับ Memory Stick PRO ที่มีขนาดความจุตั้งแต่ 1GB ขึ้นไป จะมีโหมดการทำงานที่เรียกว่า High Speed Mode ซึ่งจะช่วยให้ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลเร็วยิ่งขึ้นไปอีก แต่อุปกรณ์รุ่นเก่าๆ บางอย่าง ก็ไม่สามารถใช้งาน High Speed Mode นี้ได้ นอกจากนั้นก็ยังมีเทคโนโลยี MagicGate ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันการคัดลอกข้อมูลใส่มาให้ด้วย และหากเปรียบเทียบกันที่ขนาดความจุเดียวกัน Memory Stick PRO นั้นก็ยังคงมีราคาที่แพงกว่าการ์ดหน่วยความจำประเภทอื่นๆ อยู่มากพอสมควร ส่วนการนำ Memory Stick PRO ไปใช้งานนั้น ผู้ใช้ควรจะต้องตรวจสอบก่อนว่า อุปกรณ์ที่จะนำไปใช้ด้วยนั้น สามารถรองรับการใช้งานกับ Memory Stick PRO ได้หรือไม่
ข้อมูลเชิงเทคนิคของ Memory Stick PRO
- ขนาด 50 x 21.5 x 2.8 มิลลิเมตร (1.97 x 0.85 x 0.11 นิ้ว)
- น้ำหนัก 4 กรัม
- ปริมาตร 3,010 ลูกบาศก์มิลลิเมตร
- จำนวนขาขั้วต่อ (Pins) 10Pins
- เทคโนโลยีการผลิตแบบ NAND Flash
- ระดับแรงดันไฟที่ใช้ 2.7-3.6โวลต์
- ระดับความสิ้นเปลืองของพลังงานขณะใช้งาน 45mA
- ระดับความสิ้นเปลืองของพลังงานขณะอยู่ในสถานะ Standby 130ไมโครแอมแปร์
- ความเร็วสูงสุดในการถ่ายโอนข้อมูล 20MByte ต่อวินาที (160Mbit ต่อวินาที)
- ความเร็วสูงสุดในการเขียนข้อมูล 1.8Mbyte ต่อวินาที (14.4Mbit ต่อวินาที)
- ความเร็วสูงสุดในการอ่านข้อมูล 2.45Mbyte ต่อวินาที (19.6Mbit ต่อวินาที)
- ระดับอุณหภูมิที่สามารถทำงานได้ -5 ถึง 65 องศาเซลเซียส
- ระดับอุณหภูมิที่สามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้ -40 ถึง 100 องศาเซลเซียส
- ค่า Shock Resistance 150 G (ที่ 10ms)
- ค่า Vibration Resistance 15 G
- รองรับการทำงานในความชื้น 95%
- ขนาดความจุ มีตั้งแต่ 128MB ขึ้นไป
- มีระบบการรักษาความปลอดภัยแบบ SDMI (Security Digital Music Initiative)
- เทคโนโลยี MagicGate ช่วยป้องกันการคัดลอกข้อมูล
- สวิตช์สำหรับการป้องกันการเขียนทับข้อมูล
ข้อมูลทั่วไปของ Memory Stick Duo
Memory Stick Duo เป็นการ์ดหน่วยความจำที่มีขนาดเล็กลงกว่า Memory Stick ปกติ และมีขนาดที่เล็กกว่า SD Card เล็กน้อย จุดประสงค์ที่ทาง บริษัท Sony พัฒนา Memory Stick Duo นี้ขึ้นมาก็เพราะต้องการการ์ดหน่วยความจำที่มีขนาดเล็กลงกว่า Memory Stick ปกติ เพื่อนำไปใช้กับอุปกรณ์พกพาต่างๆ ที่นับวันจะยิ่งมีขนาดเล็กมากขึ้น และ Memory Stick ปกติ ดูจะมีขนาดที่ใหญ่เกินไปสำหรับอุปกรณ์เหล่านั้น เช่น กล้องดิจิตอลขนาดพกพา หรือ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น และยังรวมถึงเครื่องเล่นเกมส์พกพาของ Sony อย่างเครื่อง PSP (PlayStation Portable) อีกด้วยที่จำเป็นต้องใช้การ์ดหน่วยความจำชนิดนี้
สำหรับคุณสมบัติหรือประสิทธิภาพโดยทั่วไปนั้น ก็จะเหมือนกันกับ Memory Stick รุ่นปกติ แทบทุกประการ ยกเว้นเรื่องของรูปร่างที่เล็กกว่านั่นเอง และถ้าหากจะนำ Memory Stick Duo ไปใส่ใช้งานในสล็อตของ Memory Stick ขนาดปกติ ก็สามารถทำได้ โดยใช้ Memory Stick Duo Adapter เพื่อแปลง Memory Stick Duo ให้มีขนาดเท่ากันกับ Memory Stick ปกติ และสำหรับเทคโนโลยี MagicGate ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำหรับป้องกันการคัดลอกข้อมูลนั้น ก็มีใส่มาให้เช่นเดียวกัน
ข้อมูลเชิงเทคนิคของ Memory Stick Duo
- ขนาด 31 x 20 x 1.6 มิลลิเมตร (1.22 x 0.79 x 0.6 นิ้ว)
- น้ำหนัก 2 กรัม (ไม่ใส่ Adapter)
- น้ำหนัก 4 กรัม (ใส่ Adapter)
- ปริมาตร 992 ลูกบาศก์มิลลิเมตร
- จำนวนขาขั้วต่อ (Pins) 10Pins
- เทคโนโลยีการผลิตแบบ NAND Flash
- ระดับแรงดันไฟที่ใช้ 2.7-3.6โวลต์
- ระดับความสิ้นเปลืองของพลังงานขณะใช้งาน 45mA
- ระดับความสิ้นเปลืองของพลังงานขณะอยู่ในสถานะ Standby 130ไมโครแอมแปร์
- ความเร็วสูงสุดของสัญญาณนาฬิกา 20MHz
- ความเร็วสูงสุดในการเขียนข้อมูล 1.8Mbyte ต่อวินาที (14.4Mbit ต่อวินาที)
- ความเร็วสูงสุดในการอ่านข้อมูล 2.5Mbyte ต่อวินาที (19.6Mbit ต่อวินาที)
- ระดับอุณหภูมิที่สามารถทำงานได้ -5 ถึง 65 องศาเซลเซียส
- ระดับอุณหภูมิที่สามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้ -40 ถึง 100 องศาเซลเซียส
- ค่า Shock Resistance 150 G (ที่ 10ms)
- ค่า Vibration Resistance 15 G
- รองรับการทำงานในความชื้น 95%
- ขนาดความจุ มีตั้งแต่ 32MB ขึ้นไป
- เทคโนโลยี MagicGate ช่วยป้องกันการคัดลอกข้อมูล
- สวิตช์สำหรับการป้องกันการเขียนทับข้อมูล
ข้อมูลทั่วไปของ Memory Stick PRO Duo
Memory Stick PRO Duo นั้นถือว่าเป็นการ์ดหน่วยความจำที่ผสมผสานกันระหว่างจุดเด่นของความเป็น Memory Stick Duo คือมีขนาดที่เล็กลง ซึ่งขนาดตัวการ์ดนั้นเท่ากันกับ Memory Stick Duo ทุกประการ และความเป็น Memory Stick PRO คือสามารถขยายขนาดความจุได้มากขึ้น และมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่สูงขึ้น ดังนั้นจึงถือว่าเป็นการ์ดหน่วยความจำในตระกูล Memory Stick ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในเวลานี้ก็ว่าได้ แต่ในเรื่องของราคานั้น ก็แน่นอนว่าย่อมสูงกว่าตามไปด้วย
สำหรับคุณสมบัติและประสิทธิภาพโดยทั่วไปนั้น จะเหมือนกันกับ Memory Stick PRO ทุกประการ ยกเว้นในเรื่องของรูปร่างเท่านั้น โดยเทคโนโลยีที่นำมาใช้กับ Memory Stick PRO ก็จะมีอยู่ใน Memory Stick PRO Duo ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโหมดการทำงานแบบ High Speed ที่ช่วยให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น หรือเทคโนโลยี MagicGate ที่ช่วยป้องกันการคัดลอกข้อมูล ส่วนการนำไปใช้งานนั้น หากเป็นสล็อตที่มีขนาดเท่ากันกับ Memory Stick ปกติ ก็สามารถนำไปใส่ใช้งานได้ โดยใช้ตัว Memory Stick Duo Adapter เช่นเดียวกันกับ Memory Stick Duo และในทำนองเดียวกันกับ Memory Stick PRO คือก่อนที่จะนำ Memory Stick PRO Duo ไปใช้กับอุปกรณ์ใด ก็ควรจะทราบก่อนด้วยว่า อุปกรณ์ชิ้นนั้นสามารถรองรับการใช้งาน Memory Stick PRO Duo ได้หรือไม่
ข้อมูลเชิงเทคนิคของ Memory Stick PRO Duo
- ขนาด 31 x 20 x 1.6 มิลลิเมตร (1.22 x 0.79 x 0.6 นิ้ว)
- น้ำหนัก 2 กรัม (ไม่ใส่ Adapter)
- น้ำหนัก 4 กรัม (ใส่ Adapter)
- ปริมาตร 992 ลูกบาศก์มิลลิเมตร
- จำนวนขาขั้วต่อ (Pins) 10Pins
- เทคโนโลยีการผลิตแบบ NAND Flash
- ระดับแรงดันไฟที่ใช้ 2.7-3.6โวลต์
- ระดับความสิ้นเปลืองของพลังงานขณะใช้งาน 45mA
- ระดับความสิ้นเปลืองของพลังงานขณะอยู่ในสถานะ Standby 130ไมโครแอมแปร์
- ความเร็วสูงสุดในการถ่ายโอนข้อมูล 20MByte ต่อวินาที (160Mbit ต่อวินาที)
- ความเร็วสูงสุดในการเขียนข้อมูล 1.8Mbyte ต่อวินาที (14.4Mbit ต่อวินาที)
- ความเร็วสูงสุดในการอ่านข้อมูล 2.45Mbyte ต่อวินาที (19.6Mbit ต่อวินาที)
- ระดับอุณหภูมิที่สามารถทำงานได้ -5 ถึง 65 องศาเซลเซียส
- ระดับอุณหภูมิที่สามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้ -40 ถึง 100 องศาเซลเซียส
- ค่า Shock Resistance 150 G (ที่ 10ms)
- ค่า Vibration Resistance 15 G
- รองรับการทำงานในความชื้น 95%
- ขนาดความจุ มีตั้งแต่ 128MB ขึ้นไป
- มีระบบการรักษาความปลอดภัยแบบ SDMI (Security Digital Music Initiative)
- เทคโนโลยี MagicGate ช่วยป้องกันการคัดลอกข้อมูล
- สวิตช์สำหรับการป้องกันการเขียนทับข้อมูล
ข้อมูลทั่วไปของ Memory Stick Micro
Memory Stick Micro เป็นการ์ดหน่วยความจำในตระกูล Memory Stick ที่พัฒนาขึ้นมาด้วยความร่วมมือกันระหว่าง บริษัท SanDisk และ Sony โดยมีแรงจูงใจจากการที่อุปกรณ์พกพาในปัจจุบันมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมาก และในอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ ในอนาคต ก็จะยิ่งต้องการการ์ดหน่วยความจำที่มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ตามไปด้วย โดย Memory Stick Micro เปิดตัวสู่สาธารณะชนเมื่อไม่นานมานี้ นั่นคือ วันที่ 3 ตุลาคม ปี ค.ศ.2005
ขนาดตัวการ์ดของ Memory Stick Micro นั้น จะมีขนาดเพียง 1 ใน 4 ส่วนของการ์ดหน่วยความจำแบบ Memory Stick Duo หรือ Memory Stick PRO Duo เท่านั้น และมีความหนาเพียง 1.2 มิลลิเมตร ดังนั้นจึงลดพื้นที่ของสล็อตของอุปกรณ์ที่จะนำการ์ดหน่วยความจำชนิดนี้ไปใช้ งานเป็นอย่างมาก นอกจากนั้น Memory Stick Micro ก็ยังสามารถทำงานได้ที่แรงดันไฟ 2 ระดับ (Dual Voltage) เช่นเดียวกันกับการ์ดหน่วยความจำแบบ Dual Voltage RS-MMC Card ซึ่งก็คือ 1.8โวลต์ และ 3.3โวลต์ นั่นเอง ส่วนเรื่องของการขยายขนาดความจุนั้น ทางทฤษฏี Memory Stick Micro สามารถที่จะขยายขนาดความจุได้สูงสุดถึง 32GB แต่อย่างไรก็ตาม ทางผู้ผลิตนั้นไม่ได้ยืนยันว่าในอนาคตจะมี Memory Stick Micro ที่มีความจุใหญ่ถึงขนาดนี้ผลิตออกมาจริงหรือไม่
ความเร็วสูงสุดในการโอนถ่ายข้อมูลของ Memory Stick Micro ตามทฤษฎีนั้นจะอยู่ที่ 160Mbit ต่อวินาที ซึ่งความเร็วนี้ก็ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่นำไปใช้ด้วย สำหรับการนำ Memory Stick Micro ไปใช้งานนั้น ก็สามารถนำไปใส่ในสล็อตที่มีขนาดเท่ากับ Memory Stick PRO ได้ด้วย โดยการใช้อุปกรณ์ Memory Stick Micro Adapter เพื่อแปลงให้ตัวการ์ดมีขนาดเท่ากันกับ Memory Stick PRO นั่นเอง
ข้อมูลเชิงเทคนิคของ Memory Stick Micro
- ขนาด 15 x 12.5 x 1.2 มิลลิเมตร (1 ใน 4 ของ Memory Stick PRO Duo)
- ปริมาตร 225 ลูกบาศก์มิลลิเมตร
- จำนวนขาขั้วต่อ (Pins) 11Pins
- ขนาดความจุสูงสุดที่เป็นไปได้ 32GB
- ความเร็วสูงสุดของการโอนถ่ายข้อมูล 160Mbit ต่อวินาที
- รองรับการใช้ระดับแรงดันไฟ 2 ระดับ (Dual Voltage) คือ 1.7 ถึง 1.95โวลต์ และ 2.7-3.6โวลต์
- ระดับอุณหภูมิที่สามารถใช้งานได้ -25 ถึง 85 องศาเซลเซียส
- มีเทคโนโลยี MagicGate ซึ่งช่วยป้องกันการคัดลอกข้อมูล
Home »
-How To Nokia
» ข้อมูลทั่วไปของ Memery Card ประเภทต่าง ๆ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ช่วยกันแสดงความคิดเห็นหน่อยนะครับ
หากคุณมีปัญหาหรือข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามได้จากกล่อง comment ด้านล่างนี้ได้เลยครับ